มาตั้งแต่ปี พ.ศ. 2475 กิจกรรมของงานได้รวมงาน “นมัสการพระพุทธสิหิงค์
งานสงกรานต์ และงาน กาชาด” ไว้ด้วยกัน โดยถือเอาประมาณกลางเดือนเมษายน
ของทุกปีเป็นวันจัดงาน ประกอบไปด้วยขบวนแห่พระพุทธสิหิงค์ พิธีรดน้ำดำหัวผู้ใหญ่
การละเล่นพื้นบ้าน การแสดงโขนของกรมศิลปากร และการแสดงทางวัฒนธรรม
นิทรรศการ และ การออกร้าน เพื่อเป็นการส่งเสริม และรักษาไว้ซึ่งขนบธรรมเนียม
ประเพณีอันดีงามของท้องถิ่น
ในวันขึ้น 14 ค่ำ เดือน 11 ณ วัดใหญ่อินทาราม ได้จัดให้มีเทศน์มหาชาติเป็นงานประเพณี
โดยเจ้าของกัณฑ์เทศน์ ซึ่งส่วนมากเป็นชาวนาและชาวสวนจะใช้ควายเทียมเกวียน
นำเครื่องกัณฑ์ เช่นข้าวเปลือก ข้าวสาร หมาก มะพร้าว กล้วย อ้อย เป็นต้น
บรรทุกสิ่งเหล่านี้มาวัดมีการตกแต่งเกวียนให้แลดูสวยงาม
เป็นต้นว่าหน้าประทุน ร้อยดอกไม้เป็นม่านห้อยและใช้หน่อกล้วยกับต้นอ้อย
ผูกขนาบสองข้าง เมื่อเกวียนเหล่านี้มาพร้อมรวมกันที่วัดโดยมีเกวียน13เล่ม(13กัณฑ์)
มีควายที่ใช้เทียมเกวียน26ตัวจึงมีคนและสัตว์เข้าไปแออัดในวัดเป็นจำนวนมากพอ
เวลาบ่ายคนขับเกวียนก็ชวนกันขี่ควายไปยังสระบัวซึ่งอยู่ห่างวัดเพื่อให้ควายกิน
และอาบขณะจึงเกิดมีคนนึกสนุกท้าผู้อื่นให้ขี่ควายแข่งประลอง
ฝีเท้าดูว่าควายของใครมีฝีเท้าเร็วกว่ากันทั้งนี้ผู้ขี่จะต้องระวังไม่ให้ตัวตกลงมา
จากหลังควายมิฉะนั้นจะถือว่าแพ้เมื่อได้แข่งกันเป็นที่พอใจแล้วขากลับก็เกิดคะนอง
ชวนกันขี่ควายอ้อมตลาดและวิ่งแข่งขันให้คนที่อยู่ในตลาดชมดังนั้นเมื่อถึง
วันขึ้น14ค่ำเดือน11ของปีต่อๆมาควายที่เทียมเกวียนเครื่องกัณฑ์มา
วัดก็นำถูกออกวิ่งในตลาดให้คนชม ต่อมาเจ้าของควายที่อยู่ในตำบลใกล้เคียงนึกสนุก
นำควายของตนมาร่วมวิ่งแข่งบ้างทำให้ผู้คนพากันมาดูความสนุกสนานของงานวิ่งควายมากขึ้น
จนกลาย เป็นประเพณีที่สืบมาจนถึงทุกวันนี้
ประมาณวันที่ 16 หรือ 17-18-19 เมษายน โดยเรียกกันว่า “วันไหล”
โดยมีกิจกรรมต่างๆ เช่น พิธีรดน้ำดำหัว ขบวนแห่วันไหล
การสาดน้ำกันอย่างสนุกสนานของประชาชน และ นักท่องเที่ยวทั้งชาวไทยชาวต่างประเทศ
การทำบุญตักบาตร สรงน้ำ ก่อพระเจดีย์ทราย เล่นสาดน้ำ
และกีฬาพื้นบ้าน ในจังหวัดชลบุรี พื้นที่ที่จัดงานประเพณีวันไหล
ที่แต่งกายด้วยชุดไทยประจำบ้านเข้าร่วมขบวน พิธีบวงสรวงและเซ่นสังเวยผี
การสาธิต ประเพณีกองข้าว การละเล่นพื้นบ้าน การสาธิตและจำหน่าย ขนมพื้นบ้าน
และอาหารพื้นเมือง